วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Art culinaire

L'art culinaire est la forme utilisée par les cuisiniers, soit les principes d'appliquer à la cuisine une forme artistique, soit dans la présentation, dans le choix des aliments, dans le choix des couverts. Cet art se déroule dans les cuisines du monde, mais il est plus fréquent de le rencontrer dans les restaurants. Il est ouvert aux personnes qui souhaitent développer un palais, une histoire à partir de mets, de recettes divers. L'art culinaire d'un pays peut le différencier d'un autre.
++++++++++++++++
appliquer (v.)ใส่,ทับ,นำมาใช้
artistique (a.) แบบศิลป,งดงาม

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Castillo de Foix


El castillo de Foix es un castillo que se encuentra emplazado en el centro de la ciudad de Foix, ciudad a la que domina desde una altura de unos 60 metros, en la cima de una roca calcárea, estando en el departamento francés del Ariège. Aunque es un importante centro de atracción turística de la ciudad de Foix y del departamento del Ariège, es conocido igualmente por ser uno de los principales lugares asociados al catarismo.

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Varicelle โรคอีสุกอีใส

La varicelle est une maladie infantile éruptive fréquente, caractérisée par sa très grande contagiosité. Elle traduit la primo-infection par le virus varicelle-zona ou VZV, virus de la famille Herpesviridae. Dans plus de 90 % des cas elle survient chez l'enfant entre 1 et 15 ans. Sa période d’incubation est de 14 jours en moyenne (de 10 à 21 jours).
Bénigne chez l'enfant bien portant, elle peut être redoutable chez l'adulte non immunisé, l'immunodéprimé, la femme enceinte et le nouveau-né.

Zona โรคงูสวัด


Le zona est une dermatose virale fréquente, due au même virus que la varicelle.
L'adjectif s'y rapportant est zostérien.
L'affection se complique essentiellement de douleurs qui peuvent devenir chroniques et invalidantes par névrite post-zostérienne.
.....น่ากลัวเนอะ....

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Conciergerie:คุกที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศส



La Conciergerie est l'ancien Palais de la Cité qui fut la résidence et le siège du pouvoir des rois de France, du Xe au XIVe siècle. De nos jours, l'édifice longe le quai de l'Horloge, sur l'Île de la Cité, dans le Ier arrondissement de Paris. Il fut converti en prison d'État en 1392, après l'abandon du palais par Charles V et ses successeurs.
La prison occupait le rez-de-chaussée du bâtiment bordant le quai de l'Horloge et les deux tours ; l'étage supérieur était réservé au Parlement. La prison de la Conciergerie était considérée pendant la Terreur comme l'antichambre de la mort. Peu en sortaient libres. La reine Marie-Antoinette y fut emprisonnée en 1793.

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Romantic Countries in the World

These are some of the romantic countries in the world.
H.O.L.L.A.N.D. - Hope Our Love Lasts And Never Dies.
I.T.A.L.Y. - I Trust And Love You.
L.I.B.Y.A. - Love Is Beautiful; You Also.
C.H.I.N.A. - Come Here.. I Need Affection.
B.U.R.M.A. - Between Us, Remember Me Always.
N.E.P.A.L. - Never Ever Part As Lovers.
I.N.D.I.A. - I Nearly Died In Adoration.
K.E.N.Y.A. - Keep Everything Nice, Yet Arousing.
C.A.N.A.D.A. - Cute And Naughty Action that Developed into Attraction
K.O.R.E.A. - Keep Optimistic Regardless of Every Adversity.
E.G.Y.P.T. - Everything's Great, You Pretty Thing!
M.A.N.I.L.A. - May All Nights Inspire Love Always.
P.E.R.U. - Phorget Everyone... Remember Us.
T.H.A.I.L.A.N.D - Totally Happy. Always In Love And Never Dull

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เลื่อนตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง

อาจารย์สอนยูโดชาวญี่ปุ่น อายุปูนปัจฉิมวัยคนหนึ่งน ชวนลูกศิษย์หนุ่มชาวอเมริกันเดินทอดน่องไปตามชาย หาดยามเย็น

ช่วงหนึ่งของการสนทนา อาจารย์ใช้ไม้เท้าขีดเส้นสองเส้นคู่ขนานลงไปบนผืนทรายขาวละเอียด เส้น หนึ่งยาวประมาณ 5 ฟุต อีกเส้นหนึ่งยาวประมาณ 3 ฟุต
"เธอลองทำให้เส้นที่ยาว 3 ฟุต ยาวกว่าเส้นที่ยาว 5 ฟุต ให้อาจารย์ดูหน่อยสิ" เสียงอาจารย์บอกเป็นเชิงท้าทายอยู่ในที ลูกศิษย์อเมริกันหยุดคิด พินิจเส้นทั้งสองอยู่ครู่หนึ่งก็เผยยิ้มที่ริมฝีปากเหมือนค้นพบคำตอบ เธอบรรจงใช้เท้าข้างหนึ่งค่อยๆ ลบรอยเส้นตรงที่ยาว ประมาณ 5 ฟุตนั้นให้สั้นลงจนเหลือนิดเดียว โดยวิธีนี้เส้นที่ยาวราว 3 ฟุตจึงโดดเด่นขึ้นมาแทน ลบเสร็จเธอเงยหน้าสบตาอาจารย์พลางขอความเห็น "เช่นนี้ ใช้ได้หรือยังครับ"

ผู้เป็นอาจารย์ใช้ไม้เท้าเคาะหัวเธอเบาๆ หนึ่งทีก่อนบอกว่า "ใช้วิธีนี้ ชีวิตเธอก็มีแต่จะล้มเหลว รู้ไหม ?
คนที่คิดจะยกตัวเองให้สูงขึ้นโดยการทำร้ายคู่แข่งนั้น ไม่สู้ฉลาดเลย ทางทีดี จงยกตัวเองขึ้น แต่อย่าลดคนอื่นลง" ว่าแล้วอาจารย์ก็ขีดเส้นทั้งสองใหม่ แล้วสาธิตให้ดูโดยการปล่อยเส้นที่ยาว 5 ฟุตไว้อย่างเดิม แต่ขีดเส้นที่ยาว 3 ฟุตให้ยาวขึ้นเป็น 10 ฟุต
ฝ่ายลูกศิษย์ยังคงกังขา "คู่แข่งของเธอ ไม่ใช่ศัตรู แต่คือครูของเธอ และเขาคือคนสำคัญที่จะทำให้เธอได้ก้าวไปข้างหน้าอย่าง สง่างาม เธอลองคิดดู หากไร้เสียซึ่งคู่แข่ง เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำงานขนาดไหน ไม่มีอัปลักษณ์ เธอจะรู้จักความสวยงาม ได้อย่างไร คู่แข่งขันของเรายิ่งเก่ง ยิ่งฉลาดล้ำ ก็จะทำให้เรารู้จักขยับตัวเองขึ้นไปให้สูงส่งยิ่งขึ้น นักสู้ที่ดีนั้น เขายืนหยัดอยู่ในสังเวียนได้เพราะมีคู่ต่อสู้ที่เข้มแข็ง คู่ต่อสู้ที่อ่อนแออาจทำให้เราเป็นผู้ชนะ แต่ชัยชนะ นั้นมักไม่ยืนยง"
คนที่พยายามจะเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยการฆ่าน้อง ฟ้องนาย และขายเพื่อน
ถึงแม้จะทำได้สำเร็จ แต่นั่นก็เป็นความสำเร็จที่ปราศจากเกียรติคุณ ไม่อาจเอ่ยอ้างได้อย่างเต็มภาคภูมิ การเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยวิธีที่ไม่ชอบธรรม กับการเลื่อนตัวเองขึ้นไปโดยปล่อยให้คนอื่นได้ก้าวไปตาม วิถีทางของเขาอย่างเสรีนั้น มีผลลัพธ์ต่างกันเพียงไร "การเลื่อนตัวเองขี้น พร้อมกับลดคนอื่นลง เธออาจชนะ แต่ก็มีศัตรูเป็นของแถม"
"การเลื่อนตัวเองขึ้นแต่ไม่ลดคนอื่นลง เธออาจเป็นผู้ชนะพร้อมกับมีเพื่อนแท้เพิ่มขึ้นมากมาย วิธีไหนจะดีกว่ากัน?"...................

วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2550

นิยามความรักต่างคณะ

1. เภสัชฯ : แค่ก... แค่ก... ขอยาให้ผมหน่อย .. ผมมีอาการไอ...เลิฟ ยู...
2. พยาบาล : หน้าที่ของเธอคือเยียวยา พอรักษาหายเธอก็จากไป
3. สัตวะ : Love me , love my dog
4. จิตวิทยา : สะกดจิตเป็นเรื่องง่าย สะกดใจเป็นเรื่องยาก
5. นิเทศ : อกหักไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเล่นใหม่ได้อีกหลายเทค
6. นิติ : โธ่เอ๊ย...ความรักนี่ช่างไม่ยุติธรรมเลย
7. บัญชี : คำนวณตัวเลขอาจใช้เวลาเพียงเสี้ยวนาที ..... แต่คำนวณใจเธอนั้นใช้เวลาเป็นปี..
8. รัฐศาสตร์ : หนุ่มรัฐศาสตร์ขอบอกเธอว่า รัก...สาด...สาด
9. ครุฯ : ผมสามารถสอนคุณได้ทุกอย่าง ... แต่มีเรื่องเดียวที่อยากให้คุณสอนผม..
10. อักษรฯ : หว่ออ้ายหนี่ ติอาโม เฌอแตม ไอเลิฟยู รักหลายเด้อ..
11. เศรษฐศาสตร์ : ได้ใจเธอคือกำไร เธอไม่สนใจคือเท่าทุน
12. โครงการพัฒนา Software : Heartdisk ของเธอมีกี่ 'กิ๊ก '...ส่งใจไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม
13. แพทย์ : บุหรี่ผมก็ไม่สูบ สุขภาพก็ดูแลดี ... แต่พอเจอเธอทุกที...มีอาการโรคปอดขึ้นทันใด
14. วิทยา : ความรักไม่มีสูตรตายตัว..
15. ศิลปกรรม : ปั้นเท่าไหร่ก็ไม่เหมือน เพราะเธอน่ารักขึ้นทุกวัน
16. วิทย์กีฬา : ร่างกายแข็งแรง แต่หัวใจอ่อนแอ
17. สหเวช : ไม่รู้เครื่องเอกซเรย์เสียรึเปล่า เพราะเอกซเรย์ลงไปก็เจอแต่หน้าเธอ..
18. สถาปัตย์ : รักออกแบบไม่ได้..
19. ทันตะ : ถ้าตรวจฟันผมคงเจอแมงกินฟัน.... ถ้าตรวจใจผมคงเจอเธอกินใจ..
20. วิศวะ : คณะเราผู้ชายมันเยอะนี่หว่า..... ดูไปดูมา...นายก็น่ารักดีนะ.

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Panneau de signalisation routière



Les panneaux de signalisation routière sont, dans le cadre du transport routier, des éléments de la signalisation routière.
La signalisation routière verticale comprenant les panneaux de signalisation routière, placés sur le côté des routes et utilisée internationalement est complétée par une signalisation routière horizontale (marquage au sol), ainsi que les feux de signalisation routiers ainsi que les balises.

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Mes Amies

สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง


สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็นสงครามความขัดแย้งบนฐานการล่าอาณานิคม ระหว่างมหาอำนาจยุโรปสองค่าย คือ ฝ่ายไตรพันธมิตร (Triple Alliance) ซึ่งนำโดยเยอรมนี ออสเตรีย–ฮังการี และอิตาลี กับฝ่ายไตรภาคี (Triple Entente) นำโดยบริเตนใหญ่ ฝรั่งเศสและรัสเซีย เกิดขึ้นในช่วง ค.ศ. 1914 – 1918
ในสมัยบิสมาร์คเป็นผู้นำในการสร้างจักรวรรดินิยมเยอรมัน เมื่อบิสมาร์ครบชนะฝรั่งเศส และประกาศจักรวรรดิเยอรมันแล้วจึงดำเนินการตั้ง The Three Emperor's League ซึ่งแสดงความเป็นสัมพันธมิตรระหว่าง เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ด้วยเจตนาสำคัญประการแรกคือ ป้องกันการแก้แค้นของฝรั่งเศส ต่อมาภายหลังเมื่อออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กัน จนมิอาจเป็นพันธมิตรต่อกันได้ บิสมาร์คจึงชักชวนอิตาลีเข้าแทนที่รัสเซีย จึงเกิด Triple Alliance ขึ้น
ครั้งบิสมาร์คหมดอำนาจลง จักรพรรดิเยอรมัน (Kaiser Wilhelm II) ทรงเลิกนโยบายเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย และสร้างความไม่พอใจให้อังกฤษด้วยการเริ่มโครงการขยายกองทัพเรือและขยายอิทธิพลดินแดนตะวันออก ฝรั่งเศสจึงได้โอกาสเสริมสร้างสัมพันธไมตรีกับรัสเซียและเข้าใจอันดีกับอังกฤษ และในที่สุดเมื่อทั้งสามมหาอำนาจตกลงในความขัดแย้งเรื่องอาณานิคมที่เคยมีต่อกันได้แล้ว จึงจัดตั้ง Triple Entente ในปี ค.ศ. 1907
จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 เมื่อ อาร์คดยุคฟรานซิส เฟอร์ดินัลด์ (Archduke Francis Ferdinand) มกุฎราชกุมารแห่งออสเตรีย-ฮังการีและพระชายาถูกลอบปลงพระชนม์ที่เมืองซาราเจโวในแคว้นบอสเนีย โดยนักศึกษาชาตินิยมชาวเซอร์เบีย ชื่อ กาวริลโล ปรินซิป (Gavrilo Princip)รัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีจึงตัดสินใจจะทำลายล้างเซอร์เบียให้ราบคาบ และเมื่อได้รับแรงสนับสนุนจากเยอรมนี จึงยื่นข้อเรียกร้องที่เซอร์เบียไม่อาจยอมรับได้ ออสเตรีย-ฮังการีจึงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย รัสเซียได้เข้าสนับสนุนเซอร์เบียและระดมพลเตรียมต่อสู้ เยอรมนีจึงได้เรียกร้องมิให้รัสเซียและฝรั่งเศสเข้ามาแทรกแซง ครั้นสองมหาอำนาจไม่ปฏิบัติตาม เยอรมนีจึงประกาศสงครามกับรัสเซียในวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1914 และฝรั่งเศสในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 1914 ตามลำดับ
หลังจากเยอรมนีประกาศสงครามกับรัสเซียและฝรั่งเศสแล้ว ได้เคลื่อนกำลังพลเข้าละเมิดความเป็นกลางของประเทศเบลเยียมเพื่อขอเป็นทางผ่านในการบุกฝรั่งเศส อังกฤษซึ่งเป็นมหาอำนาจของโลกจึงประกาศสงครามกับเยอรมนีในวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 1914 มหาอำนาจในยุโรปจึงเข้าสู่สงคราม ยกเว้นอิตาลีที่เข้าร่วมในปี ค.ศ. 1915
ฝ่ายเยอรมนี ออสเตรีย-อังการี อิตาลีได้ตุรกีและบัลแกเรียเป็นพันธมิตร ตุรกีเข้าโจมตีจักรวรรดิเปอร์เซีย บัลแกเรียเข้าผนวกโรมาเนีย แอลเบเนีย และโจมตีกรีซ ซึ่งต่อมาถูกเรียกโดยรวมว่าฝ่ายมหาอำนาจกลาง (Central Powers) ส่วนอังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามฝ่ายพันธ-มิตร (the Allies)ได้ประเทศต่าง ๆ อีกหลายประเทศเข้าร่วม รวมทั้งประเทศในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น แต่ในปี ค.ศ. 1917 รัสเซียได้ถอนตัวออกจากสงครามครั้งนี้ เนื่องจากเลนินผู้นำกลุ่มบอลเชวิคส์ทำการปฏิวัติทางการเมืองขึ้นในรัสเซีย และสหรัฐอเมริกาก็ได้เข้ามาแทนที่รัสเซีย หลังจากเยอรมนีประกาศจะใช้เรือดำน้ำทำลายเรือข้าศึกและเรือสินค้าของทุกชาติโดยไม่มีขอบเขต สำหรับประเทศไทยได้เข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตรเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1917 โดยส่งทหารอาสาสมัครเข้าร่วมรบในสมรภูมิยุโรปจำนวน 1200 คน
ในช่วงแรกของสงคราม มหาอำนาจกลางเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่หลังจากที่อเมริกาเข้าร่วมกับฝ่ายพันธมิตร พร้อมกับส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และกำลังพลเกือบ 5 ล้านคน ทำให้พันธมิตรกลับมาได้เปรียบและสามารถเอาชนะฝ่ายมหาอำนาจกลางได้อย่างเด็ดขาด ในที่สุดเมื่อฝ่ายมหาอำนาจกลางยอมแพ้และเซ็นต์สัญญาสงบศึกเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 สงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งกินระยะเวลายาวนาน 4 ปี 5 เดือนจึงยุติลงอย่างเป็นรูปธรรม
ผลกระทบ
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้เข้าร่วมรบและประกาศศักดาในสงครามครั้งนี้ ทำให้สหรัฐอเมริกาได้ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจโลกเสรีบนเวทีโลกเคียงคู่กับอังกฤษและฝรั่งเศส
รัสเซียกลายเป็นมหาอำนาจโลกสังคมนิยม หลังจากเลนินทำการปฏิวัติยึดอำนาจ และต่อมาเมื่อสามารถขยายอำนาจไปผนวกแคว้นต่าง ๆ มากขึ้น เช่น ยูเครน เบลารุส ฯลฯ จึงประกาศจัดตั้งสหภาพโซเวียต (Union of Soviet Republics -USSR) ในปี ค.ศ. 1922
เกิดการร่างสนธิสัญญาแวร์ซาย (The Treaty of Versailles) โดยฝ่ายชนะสงครามสำหรับเยอรมนี และสนธิสัญญาสันติภาพอีก 4 ฉบับสำหรับพันธมิตรของเยอรมนี เพื่อให้ฝ่ายผู้แพ้ยอมรับผิดในฐานะเป็นผู้ก่อให้เกิดสงคราม ในสนธิสัญญาดังกล่าวฝ่ายผู้แพ้ต้องเสียค่าปฏิกรรมสงคราม เสียดินแดนทั้งในยุโรปและอาณานิคม ต้องลดกำลังทหาร อาวุธ และต้องถูกพันธมิตรเข้ายึดครองดินแดนจนกว่าจะปฏิบัติตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ประเทศผู้แพ้ไม่ได้เข้าร่วมในการร่างสนธิสัญญา แต่ถูกบีบบังคับให้ลงนามยอมรับข้อตกลงของสนธิสัญญา จึงก่อให้เกิดภาวะตึงเครียดขึ้น
เกิดการก่อตัวของลัทธิฟาสซิสต์ในอิตาลี นาซีในเยอรมัน และเผด็จการทหารในญี่ปุ่น ซึ่งท้ายสุดประเทศมหาอำนาจเผด็จการทั้งสามได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรระหว่างกัน เพื่อต่อต้านโลกเสรีและคอมมิวนิสต์ เรียกกันว่าฝ่ายอักษะ (Axis)
มีการจัดตั้งองค์การสันนิบาตชาติขึ้นเป็นองค์กรกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างประเทศ เป็น ความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรักษาความมั่นคง ปลอดภัยและสันติภาพในโลก แต่ความพยายามดังกล่าวก็ดูจะล้มเหลว เพราะในปี ค.ศ. 1939 ได้เกิดสงครามที่รุนแรงขึ้นอีกครั้ง นั่นคือ สงครามโลกครั้งที่ 2

Manche (mer)


La Manche est une mer épicontinentale de l'océan Atlantique, située dans le nord-ouest de l'Europe, et qui s'étend sur une superficie d'environ 75 000 km² ; longue de 500 km, large de 250 km (au maximum) et profonde de 172 m en son point le plus bas. La Manche orientale constitue avec le détroit du pas de Calais l'une des zones maritimes les plus fréquentées du globe. Dans sa partie septentrionale (pas de Calais), en raison des courants parmi les plus importants au monde, l'eau est très turbide, mais en restant oxygénée.
En anglais on l'appelle English Channel ou Channel.

วันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Provence

La Provence (en occitan provençal : [pʀuˈvɛⁿsɔ], Provença selon la norme classique ou Prouvènço selon la norme mistralienne, voire Proença terme utilisé au Moyen-Age) est une dénomination géographique qui désigne un ancien comté (devenu en 1481 une province royale française) et qui correspond aujourd'hui, au sens large, à une grande partie de la région administrative Provence-Alpes-Côte d'Azur. Elle se situe au sud-est de la France, s'étendant de la rive gauche du Rhône (rive est) jusqu'à la rive droite du Var où elle borde l'ancien comté de Nice situé sur la rive gauche.
Plus largement, dans un sens culturel et touristique, la Provence s'étend jusqu'à l'est et jusqu'à l'est du Gard (au-delà du Rhône jusqu'à Nîmes et jusqu'au Vidourle) et jusqu'au sud de l'Ardèche et de la Drôme.
Mais au Moyen Âge, la Provence était plus étendue, elle englobait notamment les Alpes du Sud et le Pays niçois. Les découpages historiques en ont détaché une partie des Alpes (englobées dans la province du Dauphiné) et le Pays niçois (rattaché aux États de Savoie en 1388, au sein duquel il a fini par constituer le Comté de Nice). Depuis la seconde moitié du XXe siècle, la création de la région administrative Provence-Alpes-Côte d'Azur a rétabli plus ou moins l'espace initial de la grande Provence médiévale, avec les Hautes-Alpes et le Pays niçois.

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ที่สุดของโลกในประเทศไทย

บุคคลและสิ่งของจากประเทศไทยที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊กแล้ว มี ๑๑ รายการด้วยกันได้แก่
๑. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองศิริราชสมบัติยาวนานที่สุดในโลก
๒. ชื่อเดิมของกรุงเทพมหานคร เป็นชื่อเมืองที่ยาวที่สุดในโลก
๓. วัตถุมงคลที่มีราคาสูงสุด ได้แก่ พระพุทธรูปทองคำที่วัดไตรมิตร กรุงเทพมหานคร
๔. นักเปตองหญิงชาวไทย ชนะเลิศการแข่งขันเปตองชิงแชมป์โลกถึง ๒ ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๑ และ ๒๕๓๓
๕. นักสนุกเกอร์ไทย “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” ทำแต้มได้สูงสุดในการแข่งขัน คือ ๑๔๗ จุด
๖. ภัตตาคารใหญ่ที่สุดในโลก คือ มังกรหลวง ที่ถนนบางนา-ตราด บริกรสวมรองเท้าสเก็ตล้อเพื่อช่วยให้บริการได้รวดเร็วทั่วถึง
๗. ปลาน้ำจืดตัวโตที่สุด คือ ปลาบึก จับได้ที่จังหวัดเชียงราย ยาว ๓ เมตร หนัก ๒๔๒ กิโลกรัม
๘. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กที่สุดในโลก คือ ค้างคาวกิตติ พบที่จังหวัดกาญจนบุรี
๙. ตั๊กแตนตัวโตที่สุดในโลกยาว ๒๕.๔ เซนติเมตร กระโดดได้ไกลถึง ๔.๖ เมตร พบที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย
๑๐. ไข่มุกเม็ดโตที่สุด เส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๐ มิลลิเมตรหนัก ๒๗.๖๕ กรัม พบที่ใกล้เกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี
๑๑. ในเมืองไทยมีผู้ถูกตัดสินจำคุกนานถึง ๑๔๑,๐๗๘ ปี คือ นางชม้อย ทิพย์โส จากคดีแชร์น้ำมันแม่ชม้อย
ล่าสุดนั้น นักเรียนไทยระดับประถมหลายโรงเรียนนับล้านคนได้ลงชื่อเชียร์นักกีฬาซีเกมส์ ในโครงการพลังใจไทยทำได้แผ่นป้ายผ้าที่มีคำอวยพรและรายชื่อเด็ก ๆ นี้ยาวเกือบ ๘ กิโลเมตร หากคณะกรรมการของหนังสือกินเนส (The Guinness Book of Records) เห็นด้วย ก็จะได้บันทึกว่ายาวทำลายสถิติโลก ๕.๖ กิโลเมตร ที่อินโดนีเซียทำไว้
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Seine



La Seine est un fleuve français, long de 776 kilomètres, qui coule dans le Bassin parisien et arrose notamment Troyes, Paris et Rouen. Sa source se situe à 470 mètres d'altitude, à Saint-Germain-Source-Seine dans le plateau de Langres, en Côte-d'Or. Son cours a une orientation générale du sud-est au nord-ouest. Elle se jette dans la Manche, à hauteur du méridien du Hode, près du Havre. Son bassin versant, d'une superficie d'environ 75 000 km², intéresse près de 30 % de la population du pays. Il est géré par l'agence de l'eau Seine-Normandie.

Étymologie

Seine vient du latin Sequana, lui-même emprunté aux peuplades gauloises autochtones.
L'Yonne et la Seine auraient été considérées comme jumelles, seul le cours supérieur ayant été appelé Seine après transcription par César du mot latin (I)sicauna en Sequana. On y retrouve le nom de l'Yonne : Icauna ou Icaonna. (Le nom de Seine pourrait donc être un diminutif du nom de l'Yonne.)
L'origine du nom Sequana est obscure. Certains y voient une erreur de transcription d'un ou de plusieurs mots celtes différents. D'autres un toponyme préceltique, au motif que le groupe 'kw' n'existe pas en celtique continental, où il a évolué en 'p' (exemple : pimp en gallois, cinq <= indo-européen kwenkw). Cependant, cette évolution a pu se produire postérieurement à l'attribution du nom Sequana par les premiers arrivants celtes : ceux-ci semblent en effet avoir parlé un « proto-celtique » où la mutation kw => p n'était pas encore réalisée, comme l'attesteraient certaines inscriptions celtibères retrouvées en Espagne.

วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

LISBONNE

LISBONNE: UNE VILLE AUX MILLE VISAGES



Lisbonne? Cette ville au bout de l’Europe, sur le rivage de l’océan Atlantique qui tourne le dos aux terres?

Aller à Lisbonne, c’est une exploration où chacun a tout à découvrir: des temples, des palais, des places et des musées ... mais aussi des ruelles, des jardins, des quartiers populaires ...

Partons à l’aventure!

Vous aimez faire des courses?

Commençons par la Place du Commerce face au fleuve: elle est rose, entourée de bâtiments à arcades et s’ouvre sur un porche qui donne accès à la Baixa (la partie basse de la ville) où on découvre des boutiques élégantes mais aussi des artistes de rues ... Empruntez l’ascenseur construit par Gustave Eiffel coincé entre deux immeubles et qui vous permet de vous élever d’une trentaine de mètres jusqu’aux ruines du Carmo.

Vous aimez les quartiers populaires?

Passons au Bairro Alto (la partie haute de la ville) à l’ouest. Un quartier animé, commercial, intellectuel et culturel avec ses tavernes et ses maisons de fado (Vous connaissez Amália Rodrigues? Demandez à n’importe quel portugais et il vous racontera ...)

Vous aimez marcher sans but et vous n’avez pas peur de vous perdre?

C’est l’Alfama qu’il vous faut avec son labyrinthe de ruelles étroites à égarer Dédale lui-même! N’oubliez pas de passer par le château Saint Georges (une forteresse des Romains et des Musulmans) qui ne sert plus à protéger la population, mais qui possède une fantastique salle d’information sur la ville et ...une grande collection de cygnes, de canards et de paons ... La vue est superbe!

Vous êtes un fanatique de photos?

Alors, n’oubliez pas votre appareil et regardez où vous mettez les pieds! Non pas que les trottoirs ne soient pas propres, mais trop de Portugais oublient d’admirer les magnifiques dessins réalisés avec des pavés blancs et noirs: des formes géométriques, des fleurs, des mosaïques...

Maintenant, relevez la tête et regardez les façades des bâtiments et vous découvrirez les azulejos, ces carreaux de faïences apparus aux Moyen-Âge. On en découvre partout, principalement en bleu, mais aussi avec des fleurs roses, jaunes vertes ... Un véritable musée en plein air! Vous n’avez que l’embarras du choix ...

Vous aimez l’histoire et vous associez le Portugal aux grandes découvertes maritimes?

Ce qu’il vous faut c’est la zone de Belém, au bord du fleuve, avec la caravelle du monument des Découvertes devant le pavage qui compose une immense rose des vents où vous pourrez lire la carte du monument, après quoi vous pourrez visiter le Planétarium Gulbenkian, le Monastère des Jerónimos, le musée national des Carrosses et pourquoi pas le Palais Présidentiel (le troisième dimanche de chaque mois). Finissez la journée par la dégustation de la spécialité locale: les pastéis de Belém (de délicieuses petites tartes à la crème). Un conseil: n’essayez pas d’obtenir le recette ... c’est un secret conservé depuis plus d’un siècle!

Nous vous attendons car il y a encore beaucoup à découvrir...

แหล่งที่มา:http://www.bonjourdefrance.com/n9/lisbonne.htm

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Bastille

La Bastille, ou plus exactement la Bastille Saint-Antoine (48°51′12″N 2°22′9″E / 48.85333, 2.36917), était une forteresse élevée sur l’actuelle place de la Bastille à Paris.
___
Forteresse
Destinée à défendre la porte Saint-Antoine et les remparts de l'est de Paris devenus plus vulnérables, la Bastille ou Bastide Saint-Antoine était initialement un véritable château-fort et un arsenal. Elle fut bâtie sous le règne de Charles V, de 1370 à 1383, par Hugues Aubriot, sur le modèle à quatre tours courant à l’époque. Les autres tours lui furent ajoutées ultérieurement. Elle faisait 66 mètres de long pour 34 mètres de large et 24 mètres de hauteur au niveau des tours, et était entourée d'un fossé de 25 mètres de largeur par 8 de profondeur alimenté par les eaux de la Seine. Les huit tours se nommaient tours du Coin, de la Chapelle, du Trésor, de la Comté, de la Bertaudière, de la Basinière, du Puits et de la Liberté. L'entrée se faisait par la rue Saint-Antoine et donnait sur la Cour de l'Avancée qui abritait des boutiques et une caserne. À la même époque est édifié le donjon de Vincennes.
Très vite, son utilité militaire s’avérant médiocre – « assiégée, elle s'est toujours rendue[1] » – une nouvelle enceinte fut construite. La forteresse fut alors utilisée comme coffre-fort et lieu de réception par François Ier.
Durant la Journée des Barricades (huitième guerre de religion), la Bastille se rendit le 13 mai 1588[2].
Sully, nommé gouverneur en 1602, y abrita le trésor royal dans la tour du même nom, qu'on désigna alors sous le terme de « buffet du roi[3] ».
La Bastille est à nouveau prise durant la Fronde en 1649, et un Frondeur en est nommé gouverneur : Pierre Broussel.

Prison [modifier]
La Bastille fut utilisée occasionnellement comme cachot dès le règne de Louis XI, mais c'est le cardinal de Richelieu qui la transforma en prison d’État à laquelle restent attachées les lettres de cachet, lettres signées du roi (ou le plus souvent de ses ministres) ordonnant un emprisonnement sans jugement. C’était une prison plutôt confortable pour les personnes de qualité (nobles, grands bourgeois) qui disposaient de grandes pièces avec repas fins et d'un domestique. Le nombre de ses prisonniers n'a d'ailleurs jamais dépassé 45. La Bastille comportait également un quartier beaucoup moins agréable pour les prisonniers communs, ainsi que des cachots (et non des oubliettes), situés à six mètres de profondeur et qui servaient de punition aux prisonniers insubordonnés comme, par exemple, le fameux Latude.
Un historien qualifie même la Bastille de rendez-vous des intellectuels [4] puisque s'y retrouvaient aussi bien Voltaire que des pamphlétaires comme Linguet ou Brissot, victimes de la censure.
C’était aussi un gouffre financier pour Louis XVI, en raison à la fois du traitement du gouverneur d'environ 60 000 livres mais aussi de l'entretien du personnel, nombreux, ou de la nourriture. Necker, qui avait déjà fermé le donjon de Vincennes, souhaitait la faire abattre dès 1784. Le peuple ne semble pas avoir réellement craint ce bâtiment, mais les cahiers de doléances de la ville demandaient sa destruction. Comme toute forteresse imposante, elle marquait le paysage et rappelait la puissance du roi (comme la tour du Temple).

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

baleine à bosse


La baleine à bosse (Megaptera novaeangliae) ou jubarte fait partie des baleines à fanons (ou Mysticètes). C’est un mammifère cétacé de grande taille : les adultes atteignent habituellement 12 à 16 mètres de long et pèsent en moyenne 36 tonnes. Cette espèce, qui effectue parfois de spectaculaires sauts hors de l’eau, possède de longues nageoires pectorales et son chant est extrêmement complexe. Elle vit dans les océans et les mers de l'ensemble du globe et devient, de façon croissante, l'objet d'un tourisme d’observation des baleines (whale-watching) de plus en plus intensif...

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Beurre


Le beurre est un aliment composé de gouttelettes d'eau dans la matière grasse d'origine laitière. Sous les climats tempérés, c’est un solide mou de couleur jaunâtre. Il fond progressivement à la chaleur.
Utilisation
Froid, le beurre se marie bien avec le pain, d’où son utilisation en tartines. Le beurre fondant à une température proche de 30°C alors que la température du corps humain est de 37°C, on peut donc dire qu’il « fond dans la bouche ».
Une noix de beurre (comme toute matière grasse) laissée à fondre sur un mets chaud permet d’en rehausser le goût.
Le beurre sert également de matière grasse pour la cuisson des aliments à la poêle. La cuisson « au beurre » est traditionnellement répandue dans la partie nord de la France, par opposition à la partie sud de la France qui cuisine « à l’huile »
Mais le beurre cuit est moins digeste que le beurre cru. La température critique du beurre est de 130°C. Au-delà de 130°C, il se forme des composés toxiques et le beurre fume. Le beurre n’est donc pas, à moins de le clarifier, la matière grasse la plus adaptée pour la cuisson.

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2550

เคล็ดลับดูแลผมสำหรับคนผมยาว

หากถามผู้ชายร้อยทั้งร้อย ต้องบอกว่าชอบผู้หญิงผมยาว แต่การจะไว้ผมยาวให้ดูดีได้นั้น เส้นผมต้องนุ่มสวย มีเงางาม ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถหรอกน่าเรามีคำแนะนำในการจัดการกับปัญหาของเส้นผม ที่มักจะทำให้ผมของคุณเสียสวยมาบอกกันค่ะ

เมื่อปลายผมแห้ง หักง่ายเมื่อคุณไว้ผมยาวนาน ๆ ปัญหาหนึ่งที่พบกันบ่อย คือปลายผมจะเริ่มแห้ง ขาดน้ำหนัก และหักง่าย ถ้าเจอปัญหานี้ ให้ใช้วิธีเล็มปลายผมทิ้ง ทุก 4-6 สัปดาห์ นอกจากนี้ลองสำรวจดูว่าปลอกหมอนที่คุณใช้ มีเนื้อผ้าหยาบ ๆหรือเปล่าเพราะอาจเป็นสาเหต ุหนึ่งที่ทำให้ผมหักได้ง่าย ลองเปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนที่ทำด้วยเนื้อผ้าลื่น จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ

ผมขาดน้ำหนักดูเบาฟูมักมีสาเหตุมาจาก การใช้ผลิตภัณท์แต่งผม เช่น เจล มูส หรือสเปรย์ประเภทที่มีแอลกฮอล์ผสมอยู่ นอกจากนี้รังสียูวีในแสงแดด ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำลายโปรตีนในเส้นผม ทำให้เส้นผมดูหยาบ รวมถึงควันบุหรี่ ที่จับเกาะบนเส้นผม ก็อาจทำให้เส้นผมขาดความมันเงาได้ วิธีแก้ ก็คือ หลีกเลี่ยงการตากแดดจัด ๆ เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของสารป้องกันยูวี และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่อบอวลด้วยควันบุหรี่

เส้นผมขาดมักเกิดจากการมัดรวบจนแน่นตึง การใช้หนังสติ๊กมารัดผม รวมทั้งการหวีผมแรง ๆ อาจทำให้เส้นผมขาดได้ง่าย วิธีแก้ ให้รวบผมหลวมๆ หรือปล่อยผมสยายออก และไม่ควรใช้หนังสติ๊กซึ่งใช้มัดของ มารวบผม ควรใช้ยางรัดที่ออกแบบมาเพื่อรัดผมโดยเฉพาะจะดีกว่า

ผมแตกปลายปัญหาผมแตกปลาย มีวิธีแก้ทางเดียวคือเล็มปลายผมทิ้ง

ผมลีบแบน คนที่เส้นผมเล็ก เมื่อไว้ผมยาว อาจทำให้ดูลีบแบนได้ วิธีทำให้ดูผมพองตัว หลังจากสระผมแล้ว ให้ใช้สเปรย์ที่ช่วยเพิ่ม ความหนาให้กับเส้นผม แล้วเป่าให้แห้ง โดยก้มศีรษะลง ใช้แปรงกลมขนาดใหญ่ แปรงผม เพื่อให้ผมดูพองตัว จากนั้นแบ่งผมเป็นช่อ ๆ พันเส้นผมด้วยโรลม้วนผมขนาดใหญ่ ปล่อยทิ้งไว้สัก 10 นาที จะทำให้เส้นผมดูพองสวยขึ้นค่ะ

เคล็ดลับในการปราปผมชี้ตั้งให้ใช้โลชั่นหรือครีมแต่งผม ทาที่ฝ่ามือเล็กน้อยแล้วสางผมเส้นผมให้ทั่ว และลองเปลี่ยนมาใช้ แปรงผมที่ขนแปรงทำจากธรรมชาติแทนพลาสติคนอกจากนี้ควรเลี่ยงการไดร์ผมบ่อย ซึ่งมักจะทำให้เส้นผมแห้ง เกิดไฟฟ้าสถิตย์ได้ง่าย

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Fromage

Un fromage est un aliment moulé, obtenu à partir de la coagulation du lait suivie ou non de fermentation. C’est un aliment riche en calcium. On fabrique du fromage à partir de lait de vache principalement, mais aussi de brebis, de chèvre, de bufflonne.

moulé [a.] ที่(หล่อ,หลอม)แล้ว ,รูปร่างกะทัดรัด,ที่มีทรวดทรงงาม [n.m]รูปที่พิมพ์ด้วยแม่พิมพ์

Fabrication [n.f.]การผลิต
La coagulation ou caillage du lait est obtenue par utilisation de présure et de chlorure de calcium, ou par acidification spontanée. Ce processus est suivi d’un salage, puis éventuellement d’une période de fermentation.
On peut aussi coaguler le lait avec du jus de citron, ou même avec du vinaigre...
Le processus complet de fabrication des fromages se déroule en six étapes principales :
1.caillage,
2.rompage(facultatif),
3.égouttage,
4.moulage,
5.salage,
6.affinage.
Plusieurs facteurs influencent le goût et la saveur du fromage : saison, climat, micro-organismes précis, qualité des sols et des pâturages, espèce des animaux laitiers (vaches, chèvres et brebis), techniques de fabrication, savoir-faire d’affinage.
La première usine de fabrication de fromage fut ouverte en Suisse le 3 février 1815.
Traditionnellement, la France produit entre 350 et 400 fromages différents, soit selon le proverbe, « un fromage par jour de l’année »[2]. Mais actuellement, elle fabrique plus de 1000 fromages différents [3]. La Grande-Bretagne produit plus de 700 variétés de fromage[4].
Un fromage fermier se dit d’un fromage fabriqué à la ferme par l’exploitant agricole uniquement avec le lait de son propre troupeau. Le fromage laitier se dit d’un fromage fabriqué en laiterie avec le lait de plusieurs exploitations.
En France, 42 fromages sont protégés par une appellation d’origine contrôlée (AOC).

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2550

สิ่งธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

อย่าได้เก็บเอาทุกอย่างมาใส่ไว้ในหัวใจ
จงกลั่นกรองเลือกเอาเฉพาะสิ่งดีๆ
อย่าเอาเรื่องไร้สาระมาทำให้หัวใจวุ่นวาย
เพราะมันมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์
จงเก็บเอาแต่ดอกไม้สวย ๆ สายลมเย็น ๆ
ความฉ่ำชื่นความสดใสเข้ามาไว้ในความรู้สึก

โลกยังคงงดงาม จงมองดูโลกด้วยตาที่เปิดกว้าง
เธอเลือกได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์
เพราะว่าชีวิตนี้เป็นของเธอ

บางครั้ง เมื่อเรากลับมาบ้าน และต้องอยู่ตามลำพัง
นั่งฟังเสียงเข็มนาที เคลื่อนไปอย่างสม่ำเสมอ
ในความเงียบ และเราก็แอบคิดถึงเรื่องราวในวันเก่า-เก่า
บางภาพก็พร่ามัว
บางภาพก็ชัดเจน บางครั้งก็เรียกน้ำตา และ
บางคราก็ทำให้เราต้องยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก


ในวันที่เบื่อหน่าย
ลองนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาดูบ้าง
บางที อาจจะทำให้เรารู้ว่า วันข้างหน้าที่เหลืออยู่
เราควรใช้ชีวิตที่เหลือนี้ อย่างไร
ทุกวันที่ผ่านไป ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ วันธรรมดา วันนึง
เรื่องราวที่ผ่านมาในแต่ละวัน อาจจะธรรมดา
เกินกว่าที่จะรู้สึกประทับใจและต้องเก็บบันทึก
ไว้ในความทรงจำ แต่ในความรู้สึกของฉันเอง
กับคิดว่า การที่เราได้ก้าวผ่านไปในวัน ๆ นึง
ได้พบผู้คน ได้มองดูท้องฟ้าเนี่ย มันไม่ใช่เรื่อง
ธรรมดาเลย หรือคุณเคยเห็นท้องฟ้าผืนเดียวนี้
มีก้อนเมฆซ้ำกันหรือ? ... ก็เปล่า

ฉากชีวิตของคนเรา เปลี่ยน background ไป
ทุกวัน ถ้าหากว่าเราจะมองย้อนกลับไป คุณจะรู้ว่า
ไม่เคยมีวันไหนเลย ที่ชีวิตของเราถูกฉายซ้ำ ฉะนั้น
ทุกวันที่ผ่านเลย ย่อมมีคุณค่าอยู่ในตัวเองเสมอ
ถึงแม้ทุก ๆ วันของคุณนั้น เป็นเพียงวันธรรมดา วันนึง
ก็ตามทีเถอะ

ซึมซับความธรรมดาของเราไว้ให้ดี แล้วคุณจะรู้ว่า
ชีวิตที่แสนจะธรรมดาของเรานี้...แท้จริงแล้ว
มันไม่ธรรมดาเลย



ไม่อยากให้ทุกคนท้อแท้กับชีวิต
ไม่อยากให้ทุกคนหมดสิ้นความหวัง
ไม่อยากให้ทุกคนต้องหมดแรงพลัง
มีความหวังยั่งยืนอยู่บนผืนดิน


"จงอย่าปล่อยให้ความท้อแท้เพียงน้อยนิด
ต้องทำให้เราสูญเสียหนทางอันสดใส (ข้างหน้า)"



ที่มา
http://fwmail.teenee.com/

5 วิธีเพื่อเป็นผู้หญิงที่น่ารัก

1. ช่างมัน ฉันไม่แคร์


ใช่ว่าจะไม่แคร์ไปเสียทุกเรื่อง แต่ต้องการให้คุณเลิกแคร์กับเรื่องไม่เป็นรื่องต่างหาก สมมติว่าคนขับแท๊กซี่โกงเงินทอนคุณไป 3 บาท จนสามวันผ่านไปคุณก็ยังจำหน้าคนขับแท๊กซี่คนนั้นได้ อย่างนี้ผู้หญิงน่ารักไม่พึงปฎิบัติอย่างยิ่งค่ะ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมองข้ามได้ก็ปล่อยไปเถอะ อย่ามัววิตกให้อารมณ์มัวหมอง ทำลายความสดใสบนใบหน้าเสียเปล่าๆ เลย



2. นิ่งเสียตำลึงทอง



ถ้าคนรอบตัวคุณกำลังโวยวาย หงุดหงิด หรืออะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับคุณเลย ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่ผู้หญิงน่ารักๆ จะต้องแสดงน้ำใจไมตรีโดยการกระโดดเข้าไปร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงอารมณ์ร่วมไปกับเขา สู้เป็นฝ่ายอยู่นิ่งๆ รับฟังจะดีกว่า เพราะนอกจากไม่ต้องทำร้ายสุขภาพจิตของตัวเองแล้วการรับฟังอย่างเงียบอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีและเป็นสิ่งที่คนรอบข้างของคุณต้องการมากที่สุดก็ได้


3. นินทากาเลเหมือนเทน้ำ


ยิ่งเทก็ยิ่งมัน น้ำยิ่งกระจัดกระจายเลอะไปหมด ดีไม่ดีจะเปรอะมาถึงตัวคนพูดด้วย การนินทาลับหลังเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งของผู้หญิงน่ารักนะคะ เพราะขณะที่คุณกำลังนินทา คนร่วมวงรวมทั้งตัวคุณเองก็อาจจะไม่แน่ใจว่าสักวันหนึ่งจะตกเป็นเหยื่อของการนินทาบ้างหรือเปล่า แต่ผู้หญิงเรารวมกลุ่มกันทีไรเรื่องนี้มักจะห้ามยาก


ถ้าคุณคิดจะเลิกก็เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเตือนสติตัวเองว่า นี่ฉันกำลังจะนินทาแล้วนะ และชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ทำอย่างนี้บ่อยๆ เข้าคุณก็จะเลิกได้ แล้วกลุ่มของคุณก็จะเลิกตามไปในที่สุดด้วยค่ะ


4. หยุดคิด เสียบ้าง



ไม่ใช่หยุดแล้วคิดนะคะ แต่ให้หยุดความคิดบางอย่างเสียบ้าง โดยเฉพาะความคิดแบบเปิดศึก ไม่ว่าจะสงครามกับตัวเองหรือคนรอบข้างทันทีที่เริ่มคิดให้ติดเบรกด่วนเลยค่ะ สมมติคุณกำลังคิดว่า ไม่มีใครทำความสะอาดที่นี่เลยหรือไง ความคิดนี้ยังไม่อันตราย แต่ถ้าคุณเริ่มคิดต่อไปว่า ฉันเป็นคนเดียวที่ทำทุกอย่างที่นี่ใช่มั้ย ฉันเบื่อเต็มทีแล้ว จนถึง ฉันเกลียดที่นี่ ฉันเกลียดทุกคน นี่แหละค่ะความคิดที่จะทำลายทั้งอารมณ์ จิตใจ และความน่ารักของคุณ


5. เบื่อคนบ่น


นับว่าเป็นโชคดีถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบการบ่น แต่บางคนก็มักจะพูดว่า ทำไมคนโน้นคนนี้ขี้บ่น เมื่อไหร่จะหยุดเสียที น่าเบื่อจริงเชียว รู้ตัวไหมล่ะว่า ถ้าคุณยังไม่เลิกบ่นต่อเรื่องที่คนอื่นบ่น คุณก็จะกลายเป็นคนขี้บ่นที่น่าเบื่อเหมือนกับพวกเขานั่นแหละ


ไม่ใช่เรื่องเกินกำลังไปใช่ไหมคะ สำหรับการหยุดทบทวนและเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างเล็กๆน้อยๆ สักห้าข้อที่ว่า...เพียงเท่านี้คุณก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารักมีเสน่ห์กว่าเดิมอีกหลายเท่าเชียวค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550

30 วันสำคัญของชาติที่เยาวชนไทยควรรู้

ในแต่ละปี ประเทศไทยเราจะมีวันสำคัญของชาติหลายวันด้วยกัน ทั้งที่เป็นวันสำคัญเกี่ยวกับชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และวันสำคัญทางประเพณี ซึ่งในจำนวนวันเหล่านี้ รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นหยุดราชการ 16 วันด้วยกัน เช่น วันขึ้นปีใหม่, วันมาฆบูชา, วันจักรี, วันสงกรานต์ และวันฉัตรมงคล เป็นต้น วันสำคัญ หมายถึง วันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญๆ ในอดีต และเพื่อเป็นการระลึกถึงความสำคัญของวันนั้นๆ รัฐ /ชุมชน หรือหน่วยงาน จึงได้จัดให้มีพิธีการหรือกิจกรรมต่างๆ ขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชน หรือคนในสังคมได้ตระหนัก และระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในวันนั้น ด้วยความภาคภูมิใจ หรือเพื่อเป็นแบบอย่าง ในการประพฤติปฏิบัติที่ดีงามสืบทอดต่อกันมา ซึ่งวันสำคัญนี้ จะมีหลายระดับ เช่น ระดับบุคคล ได้แก่ วันเกิด วันแต่งงาน ระดับหน่วยงาน ได้แก่ วันสถาปนาของหน่วยงานนั้นๆ ระดับชาติ ได้แก่ วันเฉลิมพระชนมพรรษา วันวิสาขบูชา และวันภาษาไทยแห่งชาติ เป็นต้น และเพื่อให้เยาวชนของเราได้รู้จักวันสำคัญของไทย กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงขอสรุปวันสำคัญๆ ที่ควรรู้จักในรอบปีให้ทราบดังนี้
วันสำคัญเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ไทย
1. วันยุทธหัตถี ตรงกับวันที่ 18 มกราคม เป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 ยุทหัตถี หมายถึง การต่อสู้ด้วยอาวุธบนหลังช้าง เป็นการรบอย่างกษัตริย์สมัยโบราณ ถือป็นยอดยุทธวิธีของนักรบ เพราะเป็นการต่อสู้อย่างตัวต่อตัว กษัตริย์พระองค์ใดกระทำยุทธหัตถีชนะจะได้รับการยกย่องว่า มีพระเกียรติยศสูงสุด และแม้แต่ผู้แพ้ก็ได้รับการยกย่องสรรเสริญว่าเป็นนักรบแท้เช่นกัน
2. วันศิลปินแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เป็นวันประกาศยกย่อง และเชิดชูเกียรติศิลปินชั้นครูของไทย ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็น “ศิลปินแห่งชาติ” โดยยึดถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 2 “พระปฐมบรมศิลปินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์” ผู้ทรงรอบรู้และเชี่ยวชาญในศิลปะทุกแขนงอย่างกว้างขวางลึกซึ้ง เป็น “วันศิลปินแห่งชาติ” ปัจจุบันมีศิลปินแห่งชาติ (ถึงปี พ.ศ. 2548) จำนวน 172 คน
3. วันพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม เป็นระลึกถึงวันคล้ายวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 3 ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในการทำนุบำรุงบ้านเมือง ทั้งในด้านการศาสนา การศึกษาและอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง ในสมัยของพระองค์ ได้ทรงเก็บเงินบางส่วนใส่ “ถุงแดง” เอาไว้ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงนำมาใช้เป็นค่าปรับในกรณีพิพาท กับประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ.112 ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตการณ์ทางการเมือง และสงครามระหว่างประเทศไปได้
4. วันจักรี ตรงกับวันที่ 6 เมษายน หมายถึง วันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ พระปฐมบรมราชวงศ์จักรี เสด็จกรีฑาทัพถึงพระนคร และทรงรับอัญเชิญขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ดำรงราชอาณาจักรสยามประเทศเป็นวันแรก ตลอดพระชนมชีพของรัชกาลที่ 1 ต้องทรงออกศึกใหญ่ เพื่อกอบกู้อิสรภาพถึง 11 ครั้งโดยทรงเป็นแม่ทัพถึง 10 ครั้ง และทรงร่วมกับพระเจ้ากรุงธนบุรี 1 ครั้ง และเมื่อทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้ว ยังต้องออกศึกเพื่อปกป้องอิสรภาพของชาติไทยอีกถึง 7 ครั้ง นับว่าพระองค์ทรงเป็นพระกษัตริย์ยอดนักรบที่ยิ่งใหญ่ และเก่งกล้าสามารถยิ่ง
5. วันฉัตรมงคล ตรงกับวันที่ 5 พฤษภาคม คือวันรำลึกถึงวันที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษกเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2493 และทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” (ซึ่งในวันที่ 9 มิถุนายน 2489 เมื่อพระองค์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบต่อจากพระบรมเชษฐาธิราชรัชกาลที่ 8 นั้น ยังไม่ได้ทรงกระทำพิธีบรมราชาภิเษก เนื่องจากต้องเสด็จกลับไปศึกษาต่อ)
6. วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง อันเป็นปรากฏการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงคำนวณทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าถึง 2 ปีอย่างแม่นยำ และได้เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคีรีขันธ์ในวันดังกล่าว เมื่อปี พ.ศ. 2411 7. วันเยาวชนแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 20 กันยายน ด้วยถือว่าวันนี้เป็นวันที่เป็นสิริมงคลยิ่ง เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีถึงสองพระองค์คือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ซึ่งทั้งสองพระองค์ นอกจากจะทรงครองราชย์สมบัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว ยังทรงพระปรีชาสามารถยิ่ง สมควรที่เยาวชนไทยจะเจริญรอยตามเบื้องยุคลบาท
8. วันปิยมหาราช ตรงกับวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันคล้ายวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง ของปวงชนชาวไทย พระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่ว่าจะเป็นการเลิกทาส การพัฒนาระบบการบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสาธารณูปการ การเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ฯลฯ ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งความเจริญสืบต่อมาจนปัจจุบัน
9. วันวชิราวุธ ตรงกับวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงได้รับพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” เพราะทรงเป็นปราชญ์ทางอักษรศาสตร์ เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์เดียว ที่ทรงพระราชนิพนธ์วรรณกรรมประเภทต่างๆ เป็นจำนวนมาก เท่าที่รวบรวมได้ในปัจจุบันมีถึง 1,236 เรื่อง นอกจากนั้น ยังทรงบัญญัติศัพท์ และทรงตั้งนามสกุลพระราชทาน ซึ่งได้รวบรวมไว้ขณะนี้ เป็นจำนวนประมาณ 6,432 นามสกุล
10. วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตรงกับ วันที่ 5 ธันวาคม วันนี้ถือเป็น “วันพ่อแห่งชาติ” และ “วันชาติไทย” ด้วย ตลอดระยะเวลายาวนานร่วม 60 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย และพระสติปัญญาของพระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันยังประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรของพระองค์มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากพระราชกรณียกิจที่มีอยู่มากมาย นับไม่ถ้วนนับพันโครงการ ซึ่งในปีนี้ถือเป็นปีพิเศษ ด้วยว่าจะเป็นวันที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา และได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อมาว่า “พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550”
11.วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เป็นฉบับแรกให้แก่ปวงชนชาวไทย เมื่อปี พ.ศ. 2475 ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลง การปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ซึ่งนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาจนปี พ.ศ. 2549 ไทยเรามีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 16 ฉบับ (และอยู่ระหว่างการเตรียมร่างฉบับใหม่ หลังการปฏิรูปการปกครองฯ เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549)
12. วันพระเจ้าตากสินมหาราช ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันคล้ายวันปราบดาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงเป็นวีรกษัตริย์ไทยอีกพระองค์หนึ่งที่ได้รับการเทิดทูน และเคารพบูชาจากประชาชนชาวไทยมาโดยตลอด ไม่เพียงเพราะพระปรีชาสามารถในการรบที่กอบกู้ชาติไทยให้เป็นเอกราช และสร้างความเป็นปึกแผ่นแก่บ้านเมืองของเราเท่านั้น แต่พระองค์ยังเป็นผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีความกตัญญูและเสียสละต่อผืนแผ่นดินไทยอย่างยากที่จะหาผู้ใดเสมือนเหมือนอีกด้วย
วันสำคัญหลักๆทางศาสนา ในปี 2550 นี้ จะประกอบด้วย13. วันมาฆบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 หรือวันที่ 3 มีนาคม 2550 เป็นวันที่พระอรหันต์ที่พระพุทธเจ้าทรงบวชให้จำนวน 1,250 รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระพุทธองค์จึงได้ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ในที่ประชุมสงฆ์เหล่านั้น ปัจจุบันเราถือว่าวันนี้เป็น “วันแห่งความรักทางพุทธศาสนา” ทั้งนี้ เนื่องจากวันดังกล่าวได้เกิดเหตุการณ์พิเศษที่เรียกว่า “จาตุรงคสันนิบาต” ขึ้น และเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประกาศหลักการ และอุดมการณ์แห่งพุทธศาสนา อันมีเนื้อหาหลัก ว่าด้วยการส่งเสริมให้มวลมนุษย์ตั้งมั่นในการทำความดี ละความชั่ว ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน นั่นก็คือ ทรงสอนให้ทุกคนมีความรักอันยิ่งใหญ่ เป็นรักที่ไม่เห็นแก่ตัว เพราะสอนให้รู้จักรัก และเมตตาต่อเพื่อนร่วมโลก โดยมีพระสงฆ์เป็นผู้นำพระธรรมคำสั่งสอนดังกล่าวไปเผยแพร่
14. วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 (ปีนี้เป็นปีอธิกมาสจึงเลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 7) ซึ่งตรงกับวันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่ง ในการบังเกิดพระพุทธเจ้าในโลกก็คือ “ธรรมะ” ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์ มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทางแห่งการปฏิบัติธรรม เพื่อล่วงพ้นความทุกข์เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542
15. วันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 หรือวันที่ 29 กรกฎาคม 2550 เป็นวันที่มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ครบเป็นองค์รัตนตรัยครั้งแรกในโลก ซึ่งพระสงฆ์องค์แรกคือพระอัญญาโกณฑัญญะ และปฐมเทศนาที่ทรงแสดงคือ ธรรมจักกัปวัตนสูตรหมายถึง พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไป นั่นคือ ธรรมะของพระพุทธองค์เหมือนวงล้อธรรมที่ได้เริ่มเคลื่อนแล้วจากจุดเริ่มต้นในวันนี้
16. วันเข้าพรรษา ตรงกับวันที่ 30 กรกฎาคม 2550 เป็นวันเริ่มต้นที่พระภิกษุสงฆ์ จะต้องอธิษฐานจำพรรษาอยู่กับที่ ไม่เที่ยวจาริกไปยังที่ต่างๆ เป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำเดือน 8 ถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี (30ก.ค.-26 ต.ค.) ซึ่งการให้จำพรรษาในสมัยพุทธกาล ก็เพื่อป้องกันมิให้พระสงฆ์ไปเหยียบย่ำข้าว และพืชผลของชาวบ้านเสียหาย ต่อมาถือเป็นโอกาสดีที่พระภิกษุ จะได้มาอยู่ร่วมกันเพื่อศึกษาธรรมะ ส่วนชาวบ้านก็ได้เข้าวัดถวายทาน รักษาศีล ฟังธรรม และเจริญภาวนา เพื่อเพิ่มพูนบุญกุศลโดยมีพระภิกษุเป็นแบบอย่าง ครั้นต่อมาจึงเกิดประเพณีนิยมบวช 3 เดือน ขณะเดียวกันก็มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งนิยม ถือเอาวันเข้าพรรษาเป็นวันเริ่มต้นที่จะอธิฐานจิตลด ละ ความชั่วทั้งหลาย และทำความดีเพิ่มขึ้น สำหรับประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับวันนี้คือ การถวายผ้าอาบน้ำฝนและการแห่/ถวายเทียนพรรษา
17. วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 หรือวันที่ 26 ตุลาคม 2550 เป็นวันที่พระภิกษุพ้นข้อกำหนดทางวินัยที่จะอยู่จำพรรษา นับตั้งแต่วันเข้าพรรษาเป็นต้นมา และสามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้ ซึ่งจะมีประเพณีที่เกี่ยวข้อง คือ การตักบาตรเทโวโรหนะ คือวันถัดจากวันออกพรรษา 1 วัน (27 ต.ค.50) ซึ่งพุทธศาสนิกชน มักจะตักบาตรในวันนี้ ด้วยนิยมว่าเป็นวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จไปโปรดพุทธมารดาอยู่ 3 เดือน และถัดจากออกพรรษา 1 เดือนถือเป็นเทศกาลกฐิน ที่จะทำบุญถวายผ้ากฐินตามวัดต่างๆ
วันสำคัญอื่นๆ ของชาติและวันสำคัญทางประเพณี 18. วันขึ้นปีใหม่ ก่อนที่ไทยเราจะมีวันปีใหม่แบบสากลเช่นปัจจุบัน เราได้มีการเปลี่ยนแปลงปีใหม่มาแล้วถึง 3 ระยะ คือ เริ่มแรกถือวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย เป็นวันขึ้นปีใหม่ ระยะที่สอง เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 5 คือราวช่วงสงกรานต์ โดยใช้ปีนักษัตร และการเปลี่ยนจุลศักราชเป็นเกณฑ์ ระยะที่สาม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 เมษายนอันเป็นนับวันทางสุริยคติ ซึ่งได้ประกาศใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2432 ระยะที่สี่ คือในปี พ.ศ. 2483 รัฐบาลได้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ไทย ให้เป็นไปตามแบบสากลนิยม คือวันที่ 1 มกราคม โดยมีเหตุผลว่าวันดังกล่าวกำหนดขึ้น โดยการคำนวณด้วยวิทยาการทางดาราศาสตร์ และเป็นที่นิยมใช้กันมากว่าสองพันปี อีกทั้งไม่เกี่ยวข้องกับลัทธิศาสนา หรือการเมืองของชาติใด แต่สอดคล้องกับจารีตประเพณีของไทยแต่โบราณที่ใช้ฤดูหนาวเป็นต้นปี
19. วันเด็กแห่งชาติ ปีนี้ตรงกับวันที่ 13 มกราคม จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เด็ก ได้ตระะหนักถึงความสำคัญของตน และขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้ประชาชน และสังคมเห็นความสำคัญของเด็กที่จะเติบโตเป็นอนาคตของชาติ และเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญที่ควรได้รับการดูแล เอาใจใส่
20. วันครู ตรงกับวันที่ 16 มกราคม จัดขึ้นเพื่อให้สังคมได้ระลึกถึงความสำคัญของ “ครู” ในฐานะผู้เสียสละและประกอบคุณงามความดี เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน โดยเฉพาะช่วยสร้างบุคลากรที่เป็นอนาคตของชาติ
21. วันอนุรักษ์มรดกไทย ตรงกับวันที่ 2 เมษายน อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผู้ทรงเป็นแบบอย่างในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรในด้านอนุรักษ์มรดกของชาติในสาขาต่างๆ ทรงได้รับการถวายพระสมัญญาเป็น “เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย” และ “วิศิษฏศิลปิน” อันหมายถึง ผู้เป็นเลิศในทางศิลปะ ทรงเป็นเมธีทางวัฒนธรรม และทรงมีคุณูปการต่องานศิลปะวัฒนธรรม
22. วันสงกรานต์ เป็นปีใหม่แบบเดิมของไทย ที่นับวันที่พระอาทิตย์ย่างเข้าสู่ราศีเมษ เป็นวันเริ่มต้นปี โดยเรียกวันที่ 13 เมษายน เป็น “วันมหาสงกรานต์” และถือเป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ด้วย ส่วนวันที่ 14 เมษายน เรียก “วันเนา” และถือเป็น “วันครอบครัว” ส่วนวันที่ 15 เมษายนเรียกว่า “วันเถลิงศก”หรือวันขึ้นจุลศักราชใหม่ ปีนี้นางสงกรานต์ชื่อ มโหธรเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกสามหาว อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูรย์ เสด็จนั่งมาเหนือหลังนกยูง
23. วันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม นอกจากจะเป็นพระราชพิธีโบราณเก่าแก่ ที่จะทำเพื่อเป็นการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่การเกษตรกรรมแล้ว วันดังกล่าวยังถือเป็น “วันเกษตรกร” อีกด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตร ได้ระลึกถึงความสำคัญของการเกษตร โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปจะได้ระลึกถึงความสำคัญของข้าว และธัญญพืชที่มีคุณเอนกอนันต์ ในการหล่อเลี้ยงชีวิตให้เติบโตสมบูรณ์ทั้งกายใจ และเหนือสิ่งอื่นใด เพื่อพึงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชกรณียกิจ อันเป็นแบบอย่างทางด้านเกษตรกรรมแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจมั่นในการประกอบอาชีพ และเป็นเหตุของความตั้งมั่นความเจริญไพบูลย์ของประเทศมาโดยตลอด
24. วันสุนทรภู่ ตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น และมีผลงานประพันธ์มากมาย เฉพาะเรื่อง พระอภัยมณี วรรณกรรมชิ้นเอกของท่าน ก็มีความยาวถึง 12,706 บท ถือได้ว่าเป็นกวีนิพนธ์ที่ยาวที่สุดในโลก ในขณะที่บทประพันธ์เรื่องอีเลียต (Iliad)) และโอเดดซี (Odyssey)ของฝรั่งที่ว่ายาวที่สุด ยังมีเพียง 12,500 บทเท่านั้น เมื่อปี พ.ศ. 2529 ท่านได้รับยกย่องจากยูเนสโก ให้เป็นบุคคลผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรมระดับโลก
25. วันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาเสด็จฯ ไปทรงร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิทางภาษาไทย ของชุมนุมภาษาไทยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับปัญหาการใช้คำไทย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2505 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถ ความสนพระราชหฤทัย และความห่วงใยในภาษาไทย ของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก
26. วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และ “วันแม่แห่งชาติ” ตรงกับวันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถผู้ทรงเปรียบประดุจ “แม่แห่งแผ่นดิน” ที่ทรงดูแลทุกข์สุขของราษฎรดังลูกๆของพระองค์ และทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่เพื่อปวงชนชาวไทยเคียงคู่กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอด โดยเฉพาะด้านศิลปาชีพ และการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมของไทย
27. วันพิพิธภัณฑ์ไทย ตรงกับวันที่ 19 กันยายน เป็นวันน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงให้กำเนิด “พิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชน” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2417 ณ ศาลาสหทัยสมาคม หรือ “หอคองคอเดีย” ในพระบรมมหาราชวัง
28. วันมหิดล ตรงกับวันที่ 24 กันยายน เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ผู้ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์สมัยใหม่ จนได้รับการเฉลิมพระเกียรติว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน”
29. วันลอยกระทง ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 หรือวันที่ 24 พฤศจิกายน 2550 เป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ โดยมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย เช่น ลอยเคราะห์ บูชาพระพุทธเจ้า แต่ปัจจุบันนิยมทำ เพื่อขอขมาและระลึกถึงคุณแม่พระคงคา ที่ได้อำนวยประโยชน์ต่างๆ แก่มนุษย์
30. วันกีฬาแห่งชาติ ตรงกับวันที่ 16 ธันวาคม เป็นวันระลึกถึงวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงชนะเลิศได้รับเหรียญทองในการแข่งขันเรือใบประเภทโอ.เค.ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2510 และเพื่อให้ประชาชน เยาวชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของกีฬา ที่มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ
ทั้งหมดคือวันสำคัญของไทยในรอบปีหนึ่งๆ ที่แม้จะมิใช่วันหยุดราชการทั้งหมด แต่ก็เป็นวันสำคัญของชาติที่เยาวชนไทยควรได้ทราบเพื่อเป็นความรู้ต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลข่าว : อมรรัตน์ เทพกำปนาท กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Chocolat


Le chocolat (du nahuatl xocolatl ou chocolatl, signifiant « eau amère ») est un aliment issu de la fève de cacao. C'est un ingrédient courant populaire dans de nombreuses confiseries, glaces, biscuits, tartes, gâteaux et desserts.
Le chocolat est obtenu par la fermentation, la torréfaction, et le séchage des fèves amères provenant du cacaoyer (Theobroma cacao) originaire d'Amérique du nord (Mexique).

Types
Chocolat noir
Le chocolat noir, aussi appelé chocolat fondant ou chocolat amer, est le chocolat proprement dit. C'est le mélange de cacao et de sucre. Pour pouvoir être appelé « Chocolat », il doit contenir au minimum 34% de cacao. En dessous, on parle de « Confiserie chocolatée ». Le besoin en sucre dépend de l'amertume de la variété de cacao utilisée. Il connaît un renouveau de consommation depuis le début des années 1990 même s'il reste moins consommé que le chocolat au lait.
Chocolat non sucré
Le chocolat non sucré est de la pâte de cacao pure sans addition de sucre.
Chocolat au lait
Le chocolat au lait est du chocolat qui est obtenu en ajoutant du lait en poudre ou du lait concentré. Il contient moins de 40% de cacao. La loi américaine exige une concentration minimum de 10% de cacao. Les règlementations européennes indiquent un minimum de 25% de cacao. Certaines enseignes de luxe comme Michel Cluizel proposent des chocolats au lait jusqu'à 45%. Il est aussi calorique que le chocolat noir (moins gras mais plus sucré). Pendant longtemps, il a été beaucoup plus apprécié et consommé.
Chocolat blanc
Le chocolat blanc est une préparation à base de beurre de cacao, additionné de sucre, de lait et d'arôme, sans aucune composante solide de cacao. Il est surtout utilisé en confiserie pour jouer sur le contraste des couleurs.
Chocolat de couverture
Le chocolat de couverture est un chocolat de très bonne qualité qui est utilisé par les chocolatiers et les pâtissiers comme matière première. Il peut être noir ou au lait mais il contient au moins 32% de beurre de cacao ce qui le rend très fluide pour réaliser un enrobage plus fin qu'un enrobage classique.
Bonbons de chocolat
On appelle bonbons de chocolat des bonbons d'une dizaine de grammes composés de chocolat. Citons les pralines, les bonbons enrobés dont l'intérieur peut être composé de ganache ou de praliné, les dragées...
Bouchées de chocolat
Législativement parlant, un bonbon de chocolat qui n'entre pas en une fois dans la bouche est appelé bouchée. Une bouchée pèse environ 40g.
En Europe, les deux grands pays les plus réputés pour le chocolat sont :
la Suisse pour, notamment, les chocolats au lait et les chocolats noirs
la Belgique pour, notamment, les chocolats noirs et les pralines.
la France dans une moindre mesure pour les chocolats noirs et épicés. Historiquement, l'artisanat existant dans le sud-ouest de la France a pour origine les marchands juifs chassés d'Espagne par l'inquisition.
Depuis 2003, la règlementation européenne s'est alignée sur les directives de l'Institut national des appellations d'origine (INAO) qui régit les appellations vinicoles. La classification suivante décrit les chocolats de qualité :
les chocolats d'origine doivent être produits à partir d'un cacao provenant d'un seul état ou pays.
les chocolats de crus sont issus de cacao d'une région géographique identifiée voire d'une plantation unique.
les chocolats grands crus caractérisent les chocolats dont le cacao a un caractère particulier identifiable de façon unique ce qui justifie un prix élevé.
L'organisme mondial du commerce du cacao (International Cocoa Organization ICCO) a aussi mis en place depuis 1994 une liste des pays producteurs de cacaos fins ou cacaos flaveurs remarquables par leur arôme et leur couleur.

วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2550

รู้หรือเปล่า..ไวท์แก้โรคสมองเสื่อมได้.

ใครที่ชอบดื่มไวน์ รู้หรือไม่ว่า ไวน์สามารถป้องกันโรคสมองเสื่อมได้

จากการวิจัย พบว่า การดื่มไวน์วันละครึ่งแก้ว สามารถช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อมอย่าง “อัลไซเมอร์” และ “พาร์คินสัน” ได้

คณะนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิลานในอิตาลี พบว่า สาร “รีเซอร์เวทรอล” ในองุ่นและไวน์ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการสร้างเซลล์สมอง

ดร.อัลเบอร์โต เบอร์เทลลี หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า “รีเซอร์เวทรอล” ยังช่วยเซลล์สมองสร้างส่วนขยายของเซลล์ ซึ่งอาจจะทำให้มันสามารถเชื่อมต่อกับเซลล์ข้างเคียงได้อีกด้วย

กิจกรรมดังกล่าวของเซลล์สมองจะช่วยฟื้นฟูสมองของคนชรา ทำให้สามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้

ถ้าจะดื่มไวน์ป้องกันโรคสมองเสื่อม ต้องดื่มวันละน้อย อย่าดื่มมากจนเกินไป เพราะอาจจะเปลี่ยนจากผลดีเป็นผลเสียได้.

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550

วันศุกร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2550

มุมมองในชีวิต

หากคุณไม่อาจที่จะหลับไหลในยามราตรีนี้
ใคร่ครวญให้ดียังมีผู้ไร้แม้ที่ซุกหัวนอน
ไม่ต้องรันทด หากท่านอยู่ในรถที่ติดไปไหนไม่ได้
เพราะมีคนอีกมากมายที่ไม่เคยมีแม้โอกาสได้นั่งรถ
หากวันนี้มีงานที่กวนใจท่านมาก คิดเสียว่า
ยังไม่ลำบากเท่าคนที่ตกงานนานกว่าสามเดือนแล้ว
ยามเมื่อความสัมพันธ์สะบั้นลง
อย่าเพิ่งคิดสั้นเพราะยังดีกว่าผู้ที่ไม่เคยรู้จักรัก
อย่าอาวรณ์ตอนสุดสัปดาห์จะผ่านพ้น
จงคิดถึงคนหาเช้ากินค่ำไม่มีวันพัก เพียงเพื่อจักยังชีพ
แม้ต้องเดินเสียไกลลิบ เพื่อขอความช่วยเหลือยามรถเสีย
ให้นึกถึงผู้ที่เป็นอัมพาตที่อยากอาสาเดินแทน
หากส่องกระจกพบผมหงอกเพิ่มมาอีกเส้น
ยังดีกว่าเป็นผู้ป่วยเคมีบำบัดที่หวังเพียงว่า ผมจะงอกได้อีก
ยามโชคร้ายแทบหมดอาลัยตายอยาก จงดีใจเถิด
เพราะยังประเสริฐกว่าผู้ที่ตายไปก่อนจะมีโอกาสใด
หากต้องทนให้ผู้อื่นระบายทุกข์ใส่ จะแย่กว่าเป็นไหนไหน
ถ้าต้องเป็นทุกข์นั้นเสียเอง

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2550

สำนวนต่างๆ(ไปห้องสมุดเลยเอามาฝาก)

avoir besoin = ต้องการ
avoir faim = หิว
avoir soif = กระหายน้ำ
avoir bonne mine = สุขภาพดี
avoir peur = กลัว
avoir tort = ผิด
avoir raison = ถูก
avoir honte = อาย
avoir sommeil = ง่วงนอน
avoir froid = หนาว
avoir chaud = ร้อน
avoir mal = เจ็บ
demander pardon = ขอโทษ
demander conseil = ขอคำแนะนำ
donner avis = ให้ความเห็น
donner ordre = สั่ง
faire attention = ระวัง
prendre congé = ลาหยุดพักผ่อน
prendre garde = ดูแลรักษา
rendre visite = เยี่ยม
trouver moyen = หาหนทาง

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2550

ชื่อมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกในtop3,000ของโลก

จากกระทู้เดิมอ่ะครับผมได้เข้าไปดูแล้วมันมีมากก่า8 เลยเอาลงมาให้ดูกันครับชื่อมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับโลกในtop3,000ของโลกและtop100ของเอเชียในปี50
ลำดับ ลำดับโลก ลำดับเอเชีย ชื่อมหาวิทยาลัย
1 505 21 CHULALONGKORN UNIVERSITY(จุฬา)
2 577 30 KASETSART UNIVERSITY(เกษตร)
3 721 45 ASIAN INSTITUTE OF TECHNOLOGY THAILAND(เทคโนโลยีแห่งเอเชีย เอไอที)
4 861 60 CHIANG MAI UNIVERSITY(เชียงใหม่)
5 894 68 THAMMASAT UNIVERSITY(ธรรมศาสตร์)
6 896 69 PRINCE OF SONGKLA UNIVERSITY(สงขลานครินทร์)
7 909 70 MAHIDOL UNIVERSITY(มหิดล)
8 1009 84 KHON KAEN UNIVERSITY(ขอนแก่น)
9 1195 - ASSUMPTION UNIVERSITY OF THAILAND(เอแบค)
10 1419 - KING MONGKUT'S UNIVERSITY OF TECHNOLOGY(พระจอมเกล้าธนบุรี)
11 1735 - SURANAREE UNIVERSITY OF TECHNOLOGY(สุรนารี)
12 1801 - RAMKHAMHAENG UNIVERSITY(รามคำแหง)
13 1811 - KING MONGKUT'S UNIVERSITY OF TECHNOLOGY NORTH BANGKOK(พระจอมเกล้าพระนครเหนือ)
14 1890 - NARESUAN UNIVERSITY(นเรศวร)
15 2068 - UBONRATCHATHANI UNIVERSITY(อุบลราชธานี)
16 2109 - BANGKOK UNIVERSITY(กรุงเทพ)
17 2125 - SUKHOTHAI THAMMATHIRAT OPEN UNIVERSITY(สุโขทัย)
18 2180 - MAHASARAKHAM UNIVERSITY(มหาสารคาม)
19 2181 - BURAPHA UNIVERSITY(บูรพา)
20 2196 - SILPAKORN UNIVERSITY(ศิลปากร)
21 2204 - SRINAKHARINWIROT UNIVERSITY(มศว)
22 2374 - SDUSUAN DUSIT RAJABHAT UNIVERSITY(ราชภัฎสวนดุสิต)
23 2602 - WALAILAK UNIVERSITY(วลัยลักษณ์)
24 2635 - RANGSIT UNIVERSITY(รังสิต)
25 2922 - MAHANAKORN UNIVERSITY OF TECHNOLOGY(มหานคร)

ปริศนาธรรม..มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ความหมายบางอย่าง ที่คนไทยได้สัมผัส แต่ไม่เคยรู้เพิ่งรู้เหมือนกัน.....
เอ้าอ่านๆ กันซะจะได้ปลงๆ ชีวิตก็เป็นเช่นชะนี้เอง
ความจริงแล้วปริศนาธรรมเกี่ยวกับเรื่องงานศพนั้นมีอยู่หลายข้อซึ่งก็สงสัยอยู่เหมือนกันตั้งแต่เด็กมาแล้วแต่พ่อกับแม่ก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยเหมือนกับว่าเขาให้ทำก็ทำกันไป โง่อยู่ตั้งนานพอได้มาอ่านหนังสือธรรมลีลาของธรรมสภาแล้วก็ตาสว่างขึ้นมีอีกหลายข้อดังนี้
1. มัดตราสังข์สามเปราะ
มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก
มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา
มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติติดอยู่
สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น
2. เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีลแต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอนเมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
3. สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่องจึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวดเพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวันดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผลควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวดให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้
4. บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุดมนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัยไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณะเพศมุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน
5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพเพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า
6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลสตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย
7. การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่าน้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพานต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม
8. การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2550

Place de la Concorde


La place de la Concorde est située au pied de l'avenue des Champs-Élysées dans le 8e arrondissement à Paris, en France. Il s'agit de la deuxième plus vaste place de France (après la place des Quinconces à Bordeaux).

Histoire
Le projet de Gabriel pour la place Louis XV
La Ville de Paris, en la personne de ses échevins et de son prévôt des marchands, décide, en 1748, d'ériger une statue équestre de Louis XV pour fêter le rétablissement du roi après la maladie dont il a été atteint à Metz. Un concours est lancé pour trouver le meilleur emplacement, concours auquel dix-neuf architectes participent, parmi lesquels Boffrand et Soufflot. L'un d'eux, Ange-Jacques Gabriel, propose de retenir une simple esplanade de terre battue, sans fonction, sans dessin, qui se situe au bout du jardin des Tuileries, et qu'on appelle « esplanade du Pont-Tournant », en référence à un pont de bois qui enjambe alors le fossé bordant la terrasse des Tuileries. Bien qu'excentré, l'endroit peut servir à l'urbanisation des nouveaux quartiers qui tendent à se construire vers l'ouest de la capitale, dans le faubourg Saint-Honoré.
Le Roi est propriétaire de l'essentiel de ces terrains, ce qui permet de limiter les expropriations nécessaires. Avant même que la décision ait été officiellement prise, des négociations ont été engagées avec les héritiers de John Law, propriétaires de terrains qui empiétent sur l'emplacement nécessaire à la création, à cet endroit, d'une place royale, inscrite dans le vaste réseau de places royales qui vont, à Rennes, Rouen, Bordeaux, Dijon, Nantes ou Montpellier, théâtraliser la représentation équestre de Louis XV. Espace de parade pour la statue, ces places se développent selon un principe qui va rester, à Paris, très ouvert, parce qu'elle s'inscrit dans une zone encore vierge d'urbanisation. Valorisée par les façades dessinées par Gabriel, la place Louis-XV devient un intermède architectural entre les frondaisons des Tuileries et l'échappée verte des Champs-Elysées.
En 1753, un concours est ouvert pour l'aménagement de l'esplanade, réservé aux membres de l'Académie royale d'architecture. Gabriel, directeur de l'Académie en sa qualité de Premier architecte du Roi, est chargé d'établir un projet empruntant les meilleures idées émises par les concurrents. Son projet est accepté en 1755. L'accord entre la Ville de Paris, les représentants du Roi et les héritiers de Law est signé en 1758. En échange des terrains qu'ils cèdent, les héritiers recevront le bâtiment situé au nord-ouest de la place ainsi que les terrains à construire de part et d'autre de la future rue Royale. Ils consentent à payer la construction des façades de tous les bâtiments dont ils auront la propriété et acceptent la servitude de galeries publiques sur la place.

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550

Passion Fruit.

Passiflora edulis or passion fruit is cultivated commercially for its fruit in northwestern South America, India, the Caribbean, Brazil, southern Florida, Hawaii, Australia, East Africa, Israel and South Africa (where it is known as a grenadilla or granadilla). The passion fruit is round to oval, yellow or dark purple at maturity, with a soft to firm, juicy interior filled with numerous seeds. The fruit can be grown to eat or for its juice, which is often added to other fruit juices to enhance aroma.
The two types of passion fruit have greatly different exterior appearances. The bright yellow variety of passion fruit, which is also known as the Golden Passionfruit, can grow up to the size of a grapefruit, has a smooth, glossy, light and airy rind, and has been used as a rootstock for the purple passionfruit in Australia.[1] The dark purple passion fruit (for example, in Kenya) is smaller than a lemon, with a dry, wrinkled rind at maturity.
The purple varieties of the fruit reportedly have traces of cyanogenic glycosides in the skin, and hence are mildly poisonous. However, the thick, hard skin is hardly edible, and if boiled (to make jam), the cyanide molecules are destroyed at high temperatures.

Names
On the island of Puerto Rico, the fruit is called parcha.
In Panama, it is called maracuyá.
In Venezuela, it is called parchita.
In Colombia, it is known as maracuyá.
In Ecuador, it is maracuyá.
In the Dominican Republic, it is called Chinola.
In Malaysia and Indonesia, it is also known as markisa and the yellow variety is called konyal in Sundanese language.
In Hawaii, it is called lilikoʻi in Hawaiian or lilikoi in English, although "passion fruit" is widely recognized.
In South Africa the purple variety is called a granadilla whereas the golden/yellow variety is called guavadilla.[2]
In Brazil and Portugal the fruit is known as maracujá.
In Jamaica it is called sweet cup.
In Nicaragua it is known as calala, a sweet-tasting juice is made when the fruit is cut in half and boiled in water.[3]
The distinctive flower of the passion fruit plant is called Passion flower or Passionflower, and is noted for its unusual visual characteristics. The leaves and roots of the plant have medicinal uses and are also called Passion flower.
Early European explorers gave the plant its common name because the flower's complex structure and pattern reminded them of symbols associated with the passion of Christ. It was said that the flower contained the lashes received by Christ, the crown of thorns, the column, the five wounds and the three nails.[4]

Uses
In Australia, passion fruit is the most common topping for the pavlova (a meringue cake) and the vanilla slice. It is also used to flavour soft drinks such as Passiona.
In Puerto Rico, it is widely believed to lower blood pressure.
In Brazil passion fruit mousse is a common dessert, and passion fruit seeds are routinely used to decorate the tops of certain cakes. Passion fruit juice is also very common.
In the Dominican Republic it is commonly used as an ingredient in a fruit drink containing strained passionfruit juice, sugar and water. It is also eaten fresh and used to flavor things from hard candies to popsicles.
In Indonesia it is eaten straight as a fruit. Nevertheless, it is common to strain the passionfruit for its juice and cook it with sugar to make some sort of thick syrup. It is then mixed with water and ice to be drunk.
In Hawaii it is normally eaten raw. Lilikoi flavored syrup is a popular topping for shave ice. Ice cream and mochi are also flavored with lilikoi, as well as many other desserts. Lilikoi fruits are not widely available in stores, so most of the fruit eaten comes from backyard gardens or wild groves.